วันพุธที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2560

แอบดู 3

ตอนยังเด็ก อายุ 11-12 ปี ผมต้องพักอยู่กับน้องของแม่เลี้ยง เป็นชายหนุ่ม 2 คน อายุ 21 กับ 24 ปี คนพี่ชื่อน้านี รูปร่างสูงใหญ่ หน้าตาหล่อ คนน้องผิวเข้มหน้าคม รูปร่างเพรียวชนิดผอมชลูดตูดปอดครับ วันหลังจะเล่าพฤติกรรมชายหนุ่มทั้งสองให้ฟัง แซ่บมาก แต่วันนี้อยากเล่าว่าช่วงปิดเทอม แม่เลี้ยงส่งผมไปอยู่บ้านพี่ชายแก ชื่อลุงทินกับป้าเพิ่ม และลูกชายชื่อพี่ติ๋ว พี่ติ๋วเรียนนายสิบ วันศุกร์ถึงจะกลับ วันธรรมดาผมนอนมุ้งคนเดียว อีกมุ้งหนึ่งในห้องเดียวกัน ลุงนอนกับป้า

ลุงทินกินเหล้าทุกเย็น เมามาก็ทะเลาะกับป้าทุกวัน ผมนอนฟังจนหลับทุกคืน คืนหนึ่งปวดฉี่ พอรู้สึกตัวก็ได้ยินเสียงแปลกที่มุ้งข้างๆ มองผ่านไปทางหน้าต่าง เห็นเงาคนตะคุ่มอยู่ในมุ้งลุงกะป้า มีเสียงพูดงึมงัมฟังไม่ชัด แต่เสียงก็ดังตลอด ผมนึกกลัวไม่กล้าลุก กลั้นใจคอยนานจนเสียงเงียบ จึงค่อยย่องไปห้องน้ำ และกลับมากนอนต่อ คืนต่อมาเหมือนรู้งาน ผมตื่นมาตอนดึกได้ยินเสียงเหมือนเดิม คราวนี้ผมแนบตัวชิดมุ้ง เพ่งมองเห็นชัดว่ามีคนขย่มตัวอยู่บนคน และฟังเสียงได้ชัดมากขึ้น ผมรู้แล้วว่า ไม่ควรนอนหลับยาว มีอะไรตื่นเต้นให้ดู บางคืนก็อดเหมือนกัน

คืนวันศุกร์ พี่ติ่วลูกชายป้ากลับมานอนที่บ้านมุ้งเดียวกะผม ผมหลับสักพัก ได้ยินเสียงคนพูดกัน แว่วว่า ไม่เอา ไปอาบน้ำ อะไรทำนองนี้ ลืมตาดูเห็นไฟห้องน้ำเปิด ป้ากะลุงพูดกันหน้าห้องน้ำ พี่ติ่วนอนหลับหันหน้ามาทางผม
ผมได้ยินเสียงลุงพูดเสียงเคืองๆ ป้าก็เสียงด่าๆ แต่สักพักไฟห้องน้ำปิด มีเสียงลุงกะป้างึมงัมกันหน้าห้องน้ำ ผมผงกหัวขึ้นเพ่งให้ชัด ได้ยินแต่เสียงทีดังถี่ขึ้น แต่พอเอนหัวลงนอน ผมใจหายวาบ พี่ติ่วนอนลืมตาจ้องหน้าผมเขม็ง
ผมใจเต้นแทบอกแตก กลัวบอกไม่ถูก รีบหลับตาปี๋

เข้าตรู่ป้าไปตลาด มุ้งข้างๆ เสียงลุงกรน ลุงนอนผ้าขาวม้าหลุดลุ่ย ซึ่งก็เห็นทุกวัน แต่วันนี้ข้างผมพี่ติ่วซึ่งนุ่งผ้าขาวม้าผืนเก่านอนหลับอยู่ ผมนอนมองพี่ติ๋วอย่างพิจารณา จากหน้าไปถึงเป้า พี่ติ่วพลิกตัวมาทางผม ถ้าผมตาไม่ฝาด ผมว่าผมเห็นผ้าขาวม้ากระดกก่อนพี่เขาพลิก ผมเลื่อนมือเข้าไปใกล้ชายผ้า เขี่ยมันเบาๆ และเกิดอาการอยากรู้อยากเห็นอย่างบอกไม่ถูก มือผมหยิบชายผ้าขาวม้าเลิกขึ้นอย่างไม่คาดหวังอะไร และไอ้ที่ไม่คิดว่าจะเห็นก็ได้เห็น ใจเต้นจนเหมือนใครตีกลองอยู่ข้างใน ผมวางชายผ้าขาวม้าลง เหมือนหายใจไม่ออก แต่จำภาพที่เห็นได้ติดตา ตอนสายป้ากะลุงออกไปข้างนอก 

พี่ติ่วนั่งซักเสื้อผ้า นุ่งผ้าขาวม้าของลุงทิน ผมถามว่าทำไปต้องซักผ้าขาวม้าด้วยล่ะเพิ่งมาวันเดียว พี่เขาบอกว่ามันเลอะ ผมถามว่าอะไรเลอะ เขาบอกว่าเมื่อคืนพี่ฝันเรื่องเอากัน พี่เลยฝันเปียก ผมบอกว่าผมอยากฝันแบบนั้นมั่ง พี่ติ่วเล่าเรื่องฝันให้ผมฟังหน่อยและผมจะช่วยซักผ้า พี่ติ่วซักผ้าไปเล่าไป และทุกครั้งที่ขยับขา ผมก็มีโอกาสเห็นอะไรตุงอยู่ในผ้าขาวม้า ตอนเทน้ำในกะละมัง มันกระฉอกชายผ้าด้านล่างเปียก ผ้าขาวม้าพี่ทินลู่ลง ด้านหนึ่ง ผมเห็นลำควยด้านข้างของพี่เขาชัดเจน ผมมองไปหลายทีจนพี่เขารู้สึก เขาถามว่าใหญ่ไหม ผมพยักหน้า เขาบอกว่าถ้าผมเอามือสองข้างถูปั้นไปมามันจะใหญ่น่าดูกว่านี้ ผมเลยเอาของผมออกมาและลองปั่นดู พี่ติ่วบอกว่าไม่ใช่ไม่ถูก

ต้องถอกหนังลงด้วย ผมไม่กล้าเพราะเคยดึงแล้วเจ็บ เลยบอกว่าพี่ทำให้ดูหน่อย พี่ติ่วเอานิ้วมาดันหนังที่โคนไข่ผมให้ตึง แล้วเอาอีกมือวนตรงหัวกระดอผม ผมเสียวๆ พอตัวงอ พี่เขารูดปริ๊ดลงเลย ผมเสียววาบ ผมเริ่มใช้สองมือถูปั่นไปมาจนได้ที่ พี่เขาสอนให้เอาขาข้างหนึ่งเหยียบโอ่ง

บอกว่าจะสนุกกว่านี้อีก แล้วเขาก็มายืนข้างหลังเอื้อมมาจับของผมถอกขึ้นลงเบาๆ ผมเสียวจนร่อนตามมือพี่เขา จนลืมนึกไปว่า ทุกครั้งที่เด้งสวนมือพี่ติ๋ว ตูดผมก็ร่อนเข้าถูกควยตุงผ้าขาวม้าของพี่ติ่ว แกยิ่งรัวมือ ผมก็ยิ่งร่อน พอผมร่อนถี่ ผมเสียว ได้แต่ทำเสียง อะ อะ อะ แกก็หยุดผ่อนช้าลง
ผมคลายตัวไม่เกร็งแกก็สาวใหม่ สุดท้ายผมทนไม่ไหวเอาสองมือจับมือแกไว้ แล้วกระเด้ามือพี่ติ่วถี่ ได้ผลครับ น้ำว่าวชุดแรกพุ่งปริ๊ดคาตา มันชนิดบอกไม่ถูก พี่ติ่วลูบหัวผมให้หันหน้ามา และบอกว่า ตาพี่มั่งนะ แกขึ้นไปนั่งยองบนขอบโอ่งทั้งผ้าขาวม้า แล้วถอกสาวยาวๆต่อหน้าผม หัวควบมันปลาบสะท้อนแดด ปากก็พูดเรื่องที่ฝันเมื่อคืน ผมถามว่าแล้วพี่รู้ได้ไงว่าคนเย็ดกันเป็นแบบนี้ แกเล่าว่า แกไปขึ้นเก็บมังคุดให้เจ๊สุ ลงมามดแดงกัด เจ๊สุช่วยปัด สุดท้ายก็ได้เย็ดกัน แค่หนเดียว แต่ก็เก็บมาฝันเรื่อยๆเลย ตอนนี้เจ๊สุย้ายบ้านไปแล้ว แกนึกทีไรก็ควยแข็งทุกที

พูดๆ อยู่ แกก็บอกว่า ปม เข้ามาดูใกล้ๆเร็ว มันจะพุ่งแล้วถ้าจะให้พุ่งไกล ปมต้องเอามือเล่นไข่พี่เบาๆ เพราะตอนพี่เย็ดเจ๊สุ เจ๊สุแกเอื้อมือมาลูบไข่พี่ด้วย ผมลูบวนอยู่สองสามที แกแอ่นสะโพกร้อง อ๊ะ อ๊ะ เสียงดังลั่นหน้าเบี้ยวน้ำพุ่งกระพูดไกลพ้นขอบโอ่งอีก้าน ระหว่างแกรูดควยก่อนน้ำแตก ผมได้ยิน แกครางออกมาว่า กูจะออกแล้ว มันจัง อร่อยควยจัง รัดควยแน่นๆ รัดควยแน่นๆ ดี ดี อือ ผมนึกออกในเวลาต่อมา ว่าเสียงครางแบบนี้นี่แหละ ที่ผมได้ยินลุงทิน พ่อพี่ติ่วครางตอนกลางคืนบ่อย ผมเดาว่าแกก็ต้องรู้เห็นอย่างที่ผมรู้เหมือนกัน

ตอนนี้ พี่ติ่วกะผมต่างก็มีครอบครัว กันไปหลายสิบปี แต่วัยเด็กที่เรามีประสบการณ์ร่วมกัน ทำให้อารมณ์ผมคึกคักได้เสมอ วันหน้าผมจะมาเล่าลีลาลูกเล่นที่พี่ติ่วฝึกมาจากกรม แบบพื้นๆ และพิศดารให้ฟัง ที่สำคัญ ผมยังไม่ได้เล่าเรื่อง ลุงกะป้า น้านี และน้าดำ ซึ่งผมได้สัมผัสอย่างใกล้ชิดในช่วงอายุ 15-16 ให้ฟังเลยนะครับ

หลังจากผมหัดเล่นจู๋จากพี่ติ๋วเป็นแล้ว ผมก็เริ่มสงสัยว่าแล้วผู้ใหญ่คนอื่นเขาเล่นกันอย่างไร พอมีโอกาสกลับมานอนบ้าน ซึ่งนอนรวมกับน้าชายทั้ง 2 คน ผมก็เริ่มไม่เป็นสุข คอยมองเวลาเขาเปลี่ยนเสื้อผ้าไปอาบน้ำ น้านีกะน้าดำไม่นุ่งผ้าขาวม้านอนเหมือนบ้านลุง ทั้งสองคนนุ่งกางเกงแพรและใส่เสื้อกล้ามนอนเหมือนพ่อผม โอกาสจะเห็นอะไรวับแวมจึงน้อยเต็มที นอกจากตอนเปลี่ยนผ้าขนหนูเป็นนุ่งกางเกงแพรก็อาจได้สักแวบหนึ่ง ก็แค่หน้าท้องหรือสะโพกเท่านั้น ผมกระวนกระวายใคร่รู้ว่า พี่ติ่วอายุไม่ถึงยี่สิบ กะน้าสองคนยี่สิบกว่า อะไรจะเหมือนกันไหม
เคยเอากางเกงในในตะกร้าผ้ามาดู ก็เห็นเป็นรอยโป่งนูน
จินตนาการก็ไปเรื่อย ไม่เห็นของจริงสักที 

คืนหนึ่งน้านีกลับจากบวชเพื่อน มีกลิ่นเหล้าฟุ้ง แกถามว่าทำไมยังไม่นอน ผมบอกว่าการบ้านเพิ่งเสร็จ แกคุยไป
ถอดเสื้อผ้าไปเพื่ออาบน้ำ รูปร่างแกดีจริงๆ ผ้าขนหนูทีนุ่งต่ำ ทำให้เห็นขนจากใต้สะดือลงไป ผมใจเต้นเผลอจ้อง จนแกดุ เฮ่ย..จ้องอะไร แล้วแกก็เดินไปอาบน้ำ ผมปิดไฟล้มลงนอนหลับตาใจเต้นเมื่อนึกถึงภาพหน้าท้องของน้าชาย แกเดินกลับมานุ่งกางเกงแพร และค้นหนังสือกุกกักในลิ้นชักขึ้นมาอ่านโดยเปิดไฟโคมที่โต๊ะ ผมหรี่ตาขึ้นดู เห็นแกทำมือขยุกขยิกที่หว่างขา อีกมือหนึ่งดันสันหนังสือกางออก และก้มลงอ่านอย่างตั้งใจ สักพักกางเกงแพรก็เลื่อนลงจากเอวผมรู้แล้วว่าน้ากำลังทำอะไร ผมอยากเห็นด้านหน้าจังเลย แต่ไม่กล้าขยับตัว หันไปมองอีกด้าน เสียงน้าดำนอนกรนเบาๆ ผมว่าหัวใจผมเต้นดังกว่าเสียงกรนนั้นอีก

น้านีหันด้านข้างมาทางผม เหยียดขาสองข้างตรง ตายังจ้องหนังสือ มือซ้ายลูบท้องควยขึ้นลงเบาๆ ผมเพิ่งเห็นว่าควยน้านี ไม่เหมือนควยพี่ติ๋ว ควยพี่ติ๋วชี้ตรง และควยน้าโค้งเหมือนกล้วยหอม ปลายเลี้ยวเข้าหน้าท้อง เหมือนมีอะไรดลใจ น้านีหันขวับมาทางผม และร้อง เฮ่ย .. พร้อมกับดึงกางเกงแพรขึ้นทันที ผมเพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองลุกขึ้นนั่งมองน้าเล่นควยตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ แกดุผมว่า ทำไมไม่หลับ ผมไม่ตอบและล้มนอนเงียบ

ความจริงคือใจมันเต้นจนพูดไม่ออกน่ะครับ แกเดินมาจับหัวผมและถามว่าไม่สบายหรือเปล่า ผมลืมตามองแก แต่ไม่พูดอะไร แกบอกว่า หลับซะ และล้มตัวลงนอนข้างกัน ผมนอนมองหน้าน้าที่หลับตา ลมหายใจมีกลิ่นเหล้า ทำให้ผมรู้สึกประหลาด น้านีลืมตาขึ้นแล้วบอกว่า อย่าพูดไปนะ เรื่องธรรมดา ผมบอกว่า ผมเคยเห็นพี่ติ๋วทำแล้ว แกหัวเราะและถามว่าไอ้ติ๋วมันทำยังไง พอเล่าให้ฟังแกก็บอกว่าไม่ต้องปั่นสองมือก็ได้ เอามือเดียวลูปท้องควยเบาๆ ให้มันกระดกหงึกๆ ชนหน้าท้องก็เสียวดี ผมเลยบอกว่าชนหน้าท้องทำไง ผมไม่เป็น ของพี่ติ๋วก็ไม่เป็น น้านีทำไง เจ็บป่าว แกให้สัญญาก่อนว่าจะไม่บอกใคร แล้วจะทำให้ดู

ผม โอเคอยู่แล้ว พอแกปลดกางเกงแพร อู้หู ผมไม่อยากเรียกว่าควยเลย สมแล้วที่แกตัวสูงใหญ่ แกบอกให้ดูใกล้ๆ
ผมสังเกตเห็นเส้นเลือดโปนเหมือนแขนนักกล้าม แกลุกขึ้นนั่งบนเก้าอี้ และให้ผมนั่งกะพื้นในหว่างขา แกเอาหนังสือเล่มเมื่อกี้มาอ่าน และเอาอีกมือโหนควยลงต่ำ แล้วปล่อย ควยแกดีดเพียะ กะหน้าท้อง แล้วแก็ลูบเหมือนปลอบมัน แล้วโหน แล้วดีด ทำอยู่อย่างนี้พักหนึ่ง ก็เอานิ้วชี้วนรอยเงี่ยง พอมาแตะรอยหยัก ก็มีน้ำเหนียวติดนิ้วเห็นๆ แกมองหน้าผม แล้วยกตูดขึ้นส่าย ควยแกแกว่งซ้ายขวา แกบอกว่า ทำแบบนี้จะเสียวตรงโคนมันมาก

แกถามว่า ไอ้ติ๋วมันใหญ่เท่าไหน ผมบอกว่าไม่รู้ เพราะพี่ติ๋วชักว่าวให้ดูเฉยๆ ไม่ได้ให้จับ แต่เล็กกว่าของน้านีแหงๆ
แกบอกว่าลองจับดูไหม มันอุ่นมือดีนะ ผมทำใจกล้าลองจับดู แค่แตะนิดเดียวมันผงกสู้หงึกๆ เลยครับ แกบอกให้ลองโหนควยลงเหมือนที่แกทำ ผมบอกว่าน้านีไม่เจ็บเหรอ แกบอกมันดีเเอาเลย

ผมดึงควยน้าลงมา อื้อหือ ไอ้คำว่าควยแข็งนี่ เพิ่งรู้ตอนนี้ว่ามันแข็งเป๊กจริงๆ แกบอกว่าอย่าเพิ่งปล่อย น้าเกร็งแล้วปมปล่อยนะ พอแกยักหน้าผมปล่อยมือ มันดีดหน้าท้องดังลั่น แกครางอูย เสียงยาวเลย พอเล่นแบบนี้สี่ห้าที แกบอกให้ผมไปหยิบกางเกงในตัวใช้แล้วของแกมา แกจะชักว่าวให้ดูว่าน้ำกระดอ กับน้ำควย ไหนจะเด็ดกว่ากัน ผมงง แกบอกว่าวัยรุ่นอย่างพี่ติ๋วเขาเรียกกะดอ เพราะยังไม่ใหญ่เต็มที่ ชักว่าวทีใช้มือเดียวก็ชักได้ ต้องอย่างของแกนี่ชักทีต้องใช้สองมือ ถึงจะเรียกว่าควย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น